วันที่ 21 สิงหาคม 2567 พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี เลขาธิการ และประธานกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรอง และขับเคลื่อนการปฏิบัติงานตามนโยบาย ครั้งที่ 11/2567 โดยติดตามการดำเนินงานของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแห่งแรกในรัชสมัย ซึ่งเป็นการทำงานร่วมของหน่วยงานต่าง ๆ กับมูลนิธิโครงการหลวง โดยต่อยอดการพัฒนาด้วยรูปแบบโครงการหลวงโมเดล สามารถแก้ปัญหาเร่งด่วน ด้วยการจัดการด้านโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีพของประชาชนในพื้นที่ ได้แก่ ถนน น้ำ ไฟฟ้า และการสื่อสาร จนสำเร็จลุล่วง สร้างประโยชน์กว้างขวางครอบคลุมพื้นที่ 126,569 ไร่ ใน 2 อำเภอ 6 หมู่บ้าน การดำเนินงานต่อเนื่องในปีที่ 8 ยังคงมุ่งเน้นการสอดประสานของหน่วยงานร่วมที่สอดคล้องกับแผนแม่บท ไม่เกิดความซ้ำซ้อน มุ่งพัฒนากลุ่มเยาวชน และคนรุ่นใหม่ ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในอนาคต โดยส่งเสริมศักยภาพ ส่งเสริมการเรียนรู้ และจิตสำนึกรักบ้านเกิด นอกจากนี้ ในด้านสาธารณสุข โครงการหลวงได้รับการสนับสนุนจากคณะจิตอาสาในนาม “โครงการหน่วยแพทย์อาสา และพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อมูลนิธิโครงการหลวง” โดยการสนับสนุนจากมูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก หน่วยแพทย์อาสามูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ หน่วยทันตกรรมพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และมูลนิธิสุขภาพจิต โรงพยาบาลสวนปรุง ในการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้บริการแก่ประชาชนในทั้งในพื้นที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงต่าง ๆ รวมทั้งชุมชนเลอตอ อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี พ.ศ.2529 รวมถึงปัจจุบัน 382 ครั้ง และโครงการหลวงยังมีแผนพัฒนาเยาวชนด้านการศึกษาวิชาชีพสาธารณสุข

หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม นางสาวณัชชา หมอกแสง เยาวชนชาวดาราอั้ง จากหมู่บ้านนอแล สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ได้เข้าพบองคมนตรี เพื่อลาไปศึกษาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมนานาชาติ ณ ประเทศฝรั่งเศส จากทุนนักเรียนแลกเปลี่ยนระยะเวลา 1 ปี นางสาวณัชชา หมอกแสง ได้เคยรับเลือกเป็น “ครูช่าง” ในการสร้างสรรค์ลวดลายบนผ้าทอจากจินตนาการและแรงบันดาลใจ เมื่ออายุ 12 ปี ผลงานที่สร้างสรรค์ร่วมกับนักออกแบบชาวไทยเหล่านี้จะได้นำไปเผยแพร่ที่ประเทศฝรั่งเศส รวมทั้งผลงานของครอบครัวที่ออกแบบร่วมกับนักออกแบบชาวญี่ปุ่น อาทิ เสื้อผ้า กระเป๋า และเครื่องประดับ ซึ่งเป็นงานทอผ้าจากภูมิปัญญาดั้งเดิมแบบกี่เอว แต่มีความร่วมสมัย มีกลิ่นอายของอัตลักษณ์ลวดลายผ้าและสีสันสดใสแบบดาราอั้ง มีความโดดเด่นแตกต่างจากวัฒนธรรมตะวันตก จึงเป็นอีกก้าวหนึ่งตามแนวทางของโครงการหลวง ในการส่งเสริมเยาวชนบนพื้นที่สูงให้มีโอกาสแสดงศักยภาพ ได้เรียนรู้และสร้างเสริมประสบการณ์ ก้าวสู่สังคมโลก