วันที่ 10 กันยายน 2567 พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี เลขาธิการ และประธานกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง โดยมี พลเรือเอก พงษ์เทพ หนูเทพ องคมนตรี กรรมการมูลนิธิโครงการหลวง พันโท สมชาย กาญจนมณี รองประธานกรรมการมูลนิธิโครงการหลวง พลอากาศเอก อำนาจ จีระมณีมัย กรรมการมูลนิโครงการหลวง และคณะกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง รวม 25 คน เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมเทเวศร์ สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ กรุงเทพมหานคร

โดยการประชุมครั้งนี้ มูลนิธิโครงการหลวง โดย พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี เลขาธิการ และประธานกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง ได้กล่าวขอบคุณแก่ผู้บริหารและบุคลากรจากหน่วยงานที่ร่วมเป็นคณะกรรมการ พร้อมมอบโล่และของที่ระลึกแก่ผู้ครบวาระเกษียณอายุราชการ และผู้ที่ได้รับการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งงาน รวมจำนวน 6 ท่าน จากนั้นที่ประชุมได้รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานของมูลนิธิโครงการหลวง ประจำปีงบประมาณ 2567 ซึ่งเป็นปีมหามงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ มูลนิธิโครงการหลวงจึงจัดกิจกรรมสำคัญในระหว่างปี เพื่อเฉลิมพระเกียรติและเผยแพร่พระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่ทรงมีต่อชาวเขา ชาวไทย และชาวโลก โดยเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมามูลนิธิโครงการหลวงได้ประกาศการเป็นสถาบันการเรียนรู้ เพื่อต่อยอดให้ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรโครงการหลวง ชนกาธิเบศรดำริ ศูนย์ผลิตผลโครงการหลวง กรุงเทพฯ และพื้นที่ดำเนินงานบนที่สูงทั้ง 39 แห่ง ใน 7 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แม่ฮ่องสอน และ ตาก เป็นแหล่งถ่ายทอดองค์ความรู้ และฝึกปฏิบัติในแนวปฏิบัติที่ดีแบบโครงการหลวง สร้างการรับรู้และเกิดประโยชน์อย่างกว้างขวางทั้งระดับชาติและนานาชาติ โดยได้พัฒนาหลักสูตรการเรียนรู้แขนงต่าง ๆ เพื่อรองรับกลุ่มต่าง ๆ ทั้งผู้บริหารระดับสูง นักวิชาการ ผู้นำชุมชน เกษตรกร และประชาชนทั่วไป รวมทั้งยังมีกระบวนการเรียนรู้ในลักษณะการฝึกปฏิบัติแก่นิสิต นักศึกษา

นอกจากนี้ โครงการหลวงยังได้กำหนดการจัดงานสัมมนานานาชาติขึ้นในระหว่างวันที่ 1-4 ธันวาคม 2567 โดยร่วมกับสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) และหน่วยงานสนับสนุน ภายใต้หัวข้อ “จากการพัฒนาทางเลือกมุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน: เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับการพัฒนาทางเลือก เพื่อรับมือการท้าทายทุกประเด็นของโลก” โดยตั้งเป้าจำนวนผู้ร่วมงานทั้งสิ้น 450 คน ซึ่งจะร่วมกันวิเคราะห์เพื่อเสริมสร้างพลังของการพัฒนาทางเลือกในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ที่ตอบสนองต่อความท้าทายของโลกปัจจุบันและอนาคต และผลักดันสู่เป้าหมายที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ ภายในงานยังจะมีการจัดแสดงนิทรรศการผลสัมฤทธิ์ของการพัฒนาพื้นที่สูงของประเทศไทย ด้วยการพัฒนาอย่างยั่งยืนของโครงการหลวง รวมทั้งการศึกษาดูงานในพื้นที่พัฒนาของโครงการหลวง และสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) และในห้วงเวลาเดียวกันนี้ มูลนิธิโครงการหลวงยังกำหนดจัดงานโครงการหลวง 2567 ซึ่งเป็นงานประจำปีที่จะมีขึ้น ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ไปจนถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2567

ในด้านการวิจัยและพัฒนาพันธุ์พืชใหม่ ตั้งแต่ พ.ศ. 2567 ไปจนถึงปี 2569 โครงการหลวงได้วางแผนการวิจัยและศึกษาพันธุ์เอเดลไวส์ พืชพระราชทานจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี โดยการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เพื่อหาสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการเพาะเลี้ยงในประเทศไทย โดยผลการศึกษาในปีแรกนี้ พบว่าต้นกล้าเอเดลไวส์เจริญเติบโตได้ดีภายใต้สภาพโรงเรือน ขณะเดียวกันยังพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์เวชสำอางต้นแบบ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม ผิวหน้า และผิวกาย โดยขณะนี้กำลังดำเนินการทดสอบฤทธิ์ และประเมินลักษณะทางกายภาพของผลิตภัณฑ์ต้นแบบ ซึ่งจะได้นำออกจำหน่ายในงานโครงการหลวง 2567 ในเดือนธันวาคมนี้ สำหรับพันธุ์พืชที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 จำนวนทั้งสิ้น 18 ชนิด 44 พันธุ์ โครงการหลวงได้วางแผนนำร่องกลุ่มพืชที่มีศักยภาพ และตลาดมีความต้องการ เพื่อขยายผลสู่งานส่งเสริมเกษตรกร จำนวน 6 ชนิด ได้แก่ ราสพ์เบอร์รี มะเขือเทศ ถั่วแขก แก้วมังกร สีเหลือง ลาเวนเดอร์ และสตรอว์เบอร์รีป่า รวมทั้งดำเนินการขยายพันธุ์ ถั่วปากอ้าและถั่วรันเนอร์ โดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ สำหรับพันธุ์พืชใหม่ที่ได้รับการรับรองการขึ้นทะเบียนพันธุ์กับกรมวิชาการเกษตรแล้วในปีนี้ มีจำนวน 3 ชนิด 10 พันธุ์ ได้แก่ กุหลาบ เบญจมาศ และ แคลล่า ลิลี่ นอกจากนี้ ยังมี สาลี่พันธุ์ใหม่ในชื่อ รอยัล ลัสเชิส ซึ่งเป็นชื่อพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งจะขยายพื้นที่ปลูกเพื่อให้มีผลผลิตพร้อมจำหน่ายแก่ประชาชนทั่วไปได้ภายในเดือนกรกฎาคมปีหน้า องคมนตรีได้เน้นย้ำการดำเนินการของโครงการหลวง ให้ยึดกรอบพระบรมราโชบายขององค์นายกกิตติมศักดิ์ทั้งสองพระองค์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เกิดผลสัมฤทธิ์เป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างยั่งยืน

และในช่วงท้ายของการประชุม คณะกรรมการซึ่งประกอบด้วยผู้บริหารของหน่วยงานต่าง ๆ และกรมประมงได้อภิปรายถึงการดำเนินงานในสาขาประมงพื้นที่สูง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งงานสำคัญที่โครงการหลวงดำเนินการร่วมกับกรมประมง ณ ศูนย์วิจัยประมงบนพื้นที่สูงดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ข้อปฏิบัติตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเฉพาะปลาสำคัญ 2 ชนิด คือ ปลาเรนโบว์เทร้าต์ และปลาสเตอร์เจียน เป็นการเลี้ยงโดยผันน้ำจากน้ำตกสิริภูมิ ซึ่งเป็นน้ำที่ใส สะอาด ไม่มีสิ่งปนเปื้อน มีอุณหภูมิไม่เกิน 24 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปลามีชีวิต และเจริญเติบโตได้

การดำเนินงานประมงพื้นที่สูงนี้เป็นการศึกษาผลกระทบต่อระบบนิเวศ รวมทั้งสร้างทางเลือกการบริโภคโปรตีน เพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชนชาวไทย เกิดผลทางอ้อมในการส่งเสริมการรักษาแหล่งน้ำบนพื้นที่สูงที่มีความสำคัญต่อแหล่งน้ำในประเทศอีกด้วย