วันที่ 9 ตุลาคม 2567 พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี เลขาธิการ และประธานกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง เดินทางไปยังศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรโครงการหลวง ชนกาธิเบศรดำริ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อร่วมประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองและขับเคลื่อนการปฏิบัติงานตามนโยบาย ครั้งที่ 1/2568 เพื่อขับเคลื่อนการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน รักษา และต่อยอดงานของมูลนิธิโครงการหลวง ให้เป็นไปตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ด้วยเดือนตุลาคมเป็นเดือนแรกของการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์มูลนิธิโครงการหลวง ประจำปีงบประมาณ 2568 องคมนตรีจึงมอบแนวทางการทำงานในภารกิจสำคัญ คือ การพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของชาวไทยภูเขา เพื่อสร้างชุมชนแห่งความพอเพียง เป็นสังคมที่มีสุข สิ่งแวดล้อมสมดุลอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นให้สถานีเกษตรหลวง และศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทั้ง 39 แห่ง ใน 7 จังหวัดภาคเหนือ ของมูลนิธิโครงการหลวง ดำเนินงานตามแผนงานที่ตั้งไว้ โดยร่วมบูรณาการกับหน่วยงานในพื้นที่อย่างใกล้ชิด สำหรับศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอ อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแห่งแรกในรัชสมัย ได้การดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเสร็จสมบูรณ์ ด้วยการบูรณาการงานระหว่างโครงการหลวง หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ การดำเนินการในระยะต่อไป โครงการหลวงได้ตั้งเป้าหมายสำคัญ 4 ประการคือ ไม่มีการปลูกฝิ่น ฟื้นฟูสภาพแวดล้อม การใช้พื้นที่ถูกกฎหมาย และการปลูกพืชตามหลักวิชาการ โดยยึดการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการพัฒนาศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอ เพื่อความยั่งยืน (พ.ศ. 2565-2570)

ในด้านการพัฒนาอาชีพแก่เกษตรกรชาวไทยภูเขาในพื้นที่ 39 แห่งของโครงการหลวง ตลอดระยะเวลา 55 ปี ที่ผ่านมา สิ่งสำคัญที่มุ่งเน้นคือ การผลิตพืชปลอดภัยภายใต้ระบบเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตลอดกระบวนการผลิตมุ่งใช้หลักวิชาการที่เหมาะสม ภายใต้มาตรฐานและกฎระเบียบที่กำหนดในระดับสากล เน้นความปลอดภัยทั้งระบบห่วงโซ่อาหาร โครงการหลวงมุ่งเน้นให้เกษตรกรใช้วัตถุดิบที่ผลิตจากธรรมชาติ อาทิ เศษผัก ผลไม้ที่เกิดขึ้นในกระบวนการปลูกพืช และการเก็บเกี่ยว ไปจนถึงวัตถุดิบที่เหลือจากการตัดแต่ง โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ในการพัฒนากระบวนการเลี้ยงไส้เดือนดินเพื่อกำจัดขยะอินทรีย์ และนำมูลของไส้เดือนดินไปผลิตเป็นสารบำรุงดิน เกษตรกรสามารถนำไปใช้ในแปลงผลิตพืชได้อย่างปลอดภัย และยังช่วยในเรื่องความประหยัด สามารถลดต้นทุนให้แก่เกษตรกรได้ ปัจจุบันผลิตภัณฑ์กลุ่มปุ๋ยอินทรีย์ มีมากกว่า 35 ชนิด ทั้ง ปุ๋ยมูลไส้เดือน ปุ๋ยอินทรีย์น้ำ น้ำทิพย์ชโลมพืช น้ำหมักมูลไส้เดือนดิน ดินปลูกผสมมูลไส้เดือน เป็นต้น

และจากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นทางภาคเหนือตอนบน ทำให้พื้นที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวง จำนวน 16 แห่ง ในเขตจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ และลำพูน ได้รับผลกระทบ ดินถล่ม ต้นไม้ล้มทับปิดขวางเส้นทางสัญจร บ้าน นา ไร่ สวน โรงเรือน และแปลงปลูกพืชของเกษตรกร กว่า 600 ครัวเรือน ได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะพืชผักที่จะเริ่มเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน มีความเสียหายกว่า 100,000 ต้น พืชที่ได้รับความเสียหาย อาทิ เบบี้คอส ฟิลเลย์ไอซเบิร์ก บัตเตอร์เฮด กะหล่ำปลีรูปหัวใจ ฟักทองญี่ปุ่น ฟักทองจิ๋ว ส่งผลให้เกษตรกรขาดรายได้ โครงการหลวงจึงได้ติดตามเพื่อรับทราบความเดือดร้อนของเกษตรกรอย่างใกล้ชิด โดยเบื้องต้นได้ร่วมกับหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน และผู้มีจิตศรัทธา นำสิ่งของจำเป็นไปมอบเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และได้วางแผน เร่งรัด การให้ความช่วยเหลือด้านการอาชีพ พร้อมฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายอย่างเร่งด่วน